*รีวิวตรวจโรคภูมิแพ้ครั้งแรกในชีวิต (เล่าละเอียด)*

รีวิวนี้ไม่ใช่รีวิวท่องเที่ยวแต่เป็นรีวิวที่อยากมาเล่าให้ฟังเผื่อเป็นประโยชน์ค่ะ

ปกติเวลาอากาศเปลี่ยนชอบมีน้ำมูกไหลตลอด ซึ่งอาการบางทีจะอยู่นานมาก เป็นเดือนก็มี ลองเสิร์ชดูในเนตก็ดูคล้ายกับอาการของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งอาการเหล่านี้ปอเป็นมาตั้งแต่ไปอยู่ ตปท จนกลับมาก็ยังมีอาการอยู่บ้างเวลาร่างกายอ่อนแอ เรียกได้ว่าไม่หายสักที จนรู้สึกทนไม่ไหวเนื่องจากครั้งนี้มีอาการคันเป็นผื่นที่ตัวร่วมด้วย เลยตัดสินใจมาตรวจเรื่องภูมิแพ้โดยเฉพาะ (ไปสรรหาโรงพยาบาลที่มีคุณหมอเฉพาะทางด้านภูมิแพ้เลย) แบบเอาให้มันรู้ไปเลยว่าแพ้มั้ย แล้วแพ้อะไร 😆

ตัดภาพมาที่โรงพยาบาล 
ก่อนอื่นคุณหมอจะซักถามอาการและความเสี่ยงต่างๆที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ในชีวิตประจำวันของเราก่อน โดยคุณหมอคาดว่าปอเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ (หลังจากส่องโพรงจมูกร่วมด้วย)ซึ่งคนที่เป็นภูมิแพ้อากาศ ส่วนใหญ่จะมีอาการขอบตาคล้ำแบบเป็นหมีแพนด้าตลอดด้วย หลังจากนั้นคุณหมอก็ถามว่าเราอยากลองทำเทสร่วมด้วยมั้ย เพราะเห็นว่าเรามีผื่นคันร่วมด้วย ปอตอบอย่างไม่ลังเลว่า "ตรวจเลยค่ะ" จะได้รู้สักทีว่าแพ้อะไร

คุณหมอก็บอกว่า การตรวจจะเป็นแบบการทดสอบทางผิวหนัง หรือที่เรียกว่า skin prick test ความดีงามของเทสตัวนี้ก็จะทำให้เรารู้ว่าร่างการเราแพ้อะไรบ้าง โดยคุณหมอจะเอาลิสรายการสิ่งที่เราสงสัยว่าจะแพ้มาให้เลือกค่ะ ว่าอยากตรวจตัวไหนบ้าง (คุณหมอจะเลือกตัวหลักๆให้ก่อนแล้ว) เลือกได้เยอะมาก เช่น ขนสัตว์ ไรฝุ่น เชื้อรา เกสรดอกไม้ ยุง ฯลฯ หรือแม้แต่หมวดอาหาร เช่น กุ้ง หอย นม ถั่วต่างๆ (ใครอยากดูรายละเอียดดูรูปประกอบนะคะ มีเยอะมากๆๆ) หลังจากนั้นพยาบาลจะ เช็ดแขนด้วยแอลกอฮอล์ และมาร์คจุดบนแขนเราตามจำนวนที่เราเลือกจะตรวจ (ปอเลือกไป 33 อย่าง 555) แล้วหยดสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวเรา ก่อนที่จะสะกิดผิวหนังชั้นบนด้วยเข็มเล็กๆ (เจ็บจี๊ดๆนิดๆ) เพื่อให้สารที่หยดไว้ถูกดูดซับเข้าไปในผิวหนังของเรา

 ... ทิ้งไว้ 15-20 นาทีเพื่อดูอาการ โดยห้ามเกาเด็ดขาดแม้จะคันแค่ไหน! 5 นาทีเเรกปอยังชิวๆ แต่พอ 10 นาทีผ่านไปเริ่มคัน สารบางตัวเริ่มทำปฏิกิริยาและมีตุ่มบวมแดงขึ้นมา สุดท้ายครบเวลาคุณพยาบาลจะมาสังเกตอาการแพ้และบันทึกว่าเราแพ้อะไรบ้าง แพ้ระดับไหน (+1, +2, +3 ไม่แน่ใจมีมากกว่านี้มั้ย แต่ระดับ +3 คือรุนแรงสุดที่เค้าจดของปอ)

สิ่งที่แพ้ทั้งหมด ครือออ

1. แพ้ไรฝุ่น (+3 แพ้รุนแรงเลยจ้า) คำแนะนำคือสังคายนาห้องนอนใหม่ พยายามลดความเสี่ยงเรื่องฝุ่น จริงๆถ้าเปลี่ยนเป็นที่นอนยางพาราและใช้ผ้าปูกันไรฝุ่นได้จะดีมาก) โดยหลักๆ ผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน ควรซักอาทิตย์ละครั้งแล้วเอาไปอบแห้งหรือตากแดดแรงๆ ให้ดีควร เปลี่ยนหมอนปีละครั้ง ผ้าม่านเปลี่ยนเป็นมู่ลี่จะดีมาก และที่สำคัญทำความสะอาดห้องและแอร์ด้วยนะคะ
2. ปีเตอร์หรือแมลงสาบนั่นเอง (+3)! อันนี้พยายามป้องกันให้ได้มากที่สุด ยังดีที่ที่บ้านปอไม่มีแมลงสาบ แต่จะเป็นสถานที่อื่นที่มีความเสี่ยงมากกว่า ก็พยายามพกแอลกอฮอล์ไว้ฉีดที่รองนั่งชักโครกห้องน้ำสาธารณะ และพยายามเลือกกินอาหารจากร้านที่ดูสะอาดถูกหลักอนามัย (หลังๆมาอาหารในห้างก็แอบกลัว เพราะตัวเองเคยเจอแมลงสาบด้วย แต่ดีที่ยังไม่ได้เริ่มสั่ง เลยขอออกจากร้านไปก่อน)
3. ยุง (+2), มดคันไฟ (+1) อันนี้ก็พกสเปรย์ตะไคร้ติดตัวค่ะ
4. ที่ฟินที่สุด คือตรวจไม่เจอว่าแพ้อาหารอะไรเลยนอกจากชีส 555 ฟินมาก กินได้อย่างสบายใจต่อไปค่ะ

หลังจากนี้ก็จะทำตามคำแนะนำคุณหมอ พร้อมกับมีการนัดไป follow up ดูอาการอีกหนึ่งเดือน(หวังว่าจะดีขึ้น)

ไม่เคยคิดว่าจะได้มาโพสอะไรที่มีสาระทางสุขภาพขนาดนี้ แต่อยากให้คนที่สงสัยว่าตัวเองมีอาการของโรคภูมิแพ้อยากให้ลองไปตรวจกันจะได้หาทางป้องกันไม่ให้แพ้ไปกว่าเดิมค่ะ บางทีเราไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าเป็นเล็กๆน้อยๆเดี๋ยวก็หาย แต่ปอคิดว่าถ้าทิ้งไปนานๆแล้วไม่รู้อาการอาจจะรุนแรงขึ้นก็ได้นะคะ

ปล. 1) ปอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ใดๆ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่ไปตรวจมาค่ะเผื่อเป็นประโยชน์กับแฟนเพจค่า
2) อันนี้เป็นข้อมูล รพ ที่มีให้ตรวจ พร้อมราคาคร่าวๆนะคะ ปอหาไว้ก่อนไปตรวจ เผื่อใครสนใจ

http://siriallergyguard.blogspot.com/2017/02/skin-test.html…

ด้วยรัก

ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้